วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

Hello Phanom Rung




     สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน กลับมาอีกแล้วกับการเขียนบล็อควันนี้นะคะ ในบล็อคที่แล้วเราพาเพื่อนๆไปเที่ยวที่วัดภูก้อน จังหวัดอุดรธานีกันแล้ว และในบล็อคนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมโบราณสถานที่สำคัญของเมืองไทยอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ "ปราสาทหินพนมรุ้ง" นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว และอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,320 ฟุต นับได้ว่าสูงมากๆเลยทีเดียว จึงได้รับการขนานนามว่าเปรียบเสมือนเทวาลัยบนเขาไกรลาศ ที่เป็นที่ประทับของพระศิวะ และเรื่องราวของพนมรุ้งจะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลยค่ะ :D

ปราสาทรเขาพนมรุ้งIDSC 0827.jpg


ที่มาของปราสาทหินพนมรุ้ง


ปราสาทหินพนมรุ้งงานอังคาร

          ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ชื่อพนมรุ้ง มาจากภาษาเขมร วนํ รุง แปลว่า ภูเขาอันกว้างใหญ่ ปัจจุบันตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
          ปราสาทหินพนมรุ้งแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ประทับของพระศิวะ(เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย) และยังเป็นที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆทางศาสนาฮินดู  จากหลักฐานที่ปรากฎในศิลาจารึกพบว่า ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 15 แต่ไม่ได้ปรากฏว่าปราสาทหลังใหญ่(ปราสาทประธาน)ถูกสร้างมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งในการสร้างปราสาทให้ขึ้นเป็นเทวสถานสมบูรณ์นั้นน่าจะอยู่ในช่วงสมัยของนเรนทราทิตย์ ที่เป็นต้นราชวงศ์และเป็นผู้ครอบครองดินแดนพนมรุ้งมาแต่เดิม อีกทั้งยังได้รับการยอมรับแล้วถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองเมือง จากนั้นก็ได้ดำเนินการสร้างปราสาทหินหลังนี้ต่อ

ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์

          ในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 18 หลังจากที่นเรนทราทิตย์ได้สิ้นชีพลงไปนั้น ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นสมมุติเทพ เพราะเชื่อว่าได้บรรลุโมกษธรรมและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับองค์พระศิวะ ต่อมาในช่วงสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7ลัทธิไศวนิกายก็ได้เสื่อมสลายจากดินแดนแถบนี้ เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้หันมานับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายาน และเทวสถานแห่งนี้ก็ถูกดัดแปลงเป็นวัดนิกายมหายาน

สถาปัตยกรรม



ปราสาทพนมรุ้ง


          ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นศิลปะขอมโบราณ เน้นความสำคัญของส่วนประกอบเข้าหาจุดศูนย์กลาง มีการแกะสลักหน้าบันและทับหลังที่ปราณีต ละเอียดอ่อน ลวดลายชัดเจน งดงาม ว่าด้วยเรื่องราวในศาสนาฮินดู เช่น ทับหลังรูปแกะสลักพระนารายณ์บรรทมสินธุ์(ในปัจจุบันได้ถูกขโมยไปแล้ว)



ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์

          สะพานนาคราช  เป็นทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท ข้างทางทั้งสองฝั่งมีเสานางเรียงจำนวน 35 ต้นเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ราวสะพานเป็นลำตัวพญานาค 5 เศียร กึ่งกลางสะพานมีภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบหมายถึงเทพประจำทิศทั้ง 8 สะพานชั้นที่ 1 มีบันได 52 ขั้นที่ขึ้นไปสู่ลานบนยอดเขาแล้วเจอซุ้มประตูระเบียงคตทางทิศตะวันออก หน้าบันสลักรูปฤๅษีที่หมายถึงศิวะรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หรือหมายถึงนเรนทราทิตย์ที่เป็นผู้ก่อตั้งปราสาทแห่งนี้ สะพานชั้นที่ 2 ระเบียงคตเป็นห้องยาวแต่ไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ ด้านขวาของบันไดมีอาคารที่เรียกว่า พลับพลาเปลื้องเครื่อง ซึ่งเป็นที่พักจัดเตรียมองค์ของพระมหากษัตริย์ก่อนเข้าสักการะหรือเข้าประกอบพิธีกรรมต่างๆ




          ตัวปราสาทประธาน ตั้งอยู่ศูนย์กลางของปราสาทชั้นใน ก่อด้วยหินทรายสีชมพู เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมกว้าง ภายในเรือนธาตุตรงกึ่งกลางมีห้องที่เรียกว่าห้องครรภคฤหะ เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุด คือศิวลึงค์ แต่ในปัจจุบันได้หายไปแล้ว เหลือแต่เพียงท่อโสมสูตร คือร่องน้ำมนต์ที่ใช้รับน้ำสรงจากการสักการะศิวลึงค์

ปราสาทพนมรุ้ง

          ในทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีอาคารสองหลังที่ก่อด้วยหินศิลาแลง นั่นคือบรรณาลัย หรือคนปัจจุบันเรียกว่าห้องสมุด ซึ่งใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา นอกจากตัวปราสาทประธานแล้ว ยังมีปราสาทอิฐสององค์และปรางค์น้อยรายล้อมอยู่ในบริเวณนี้อีกด้วย

ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน



          ในช่วง 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน ของทุกปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นและส่องแสงลอดผ่านประตูทั้ง 15 บานพร้อมกันทางทิศตะวันออก และยังรอชมดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตกได้อีกในช่วง 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งมีความเชื่อกันว่า ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงผ่านศิวลึงค์ จะเป็นการเพิ่มพลังในการดำเนินชีวิตต่อไปของเราได้  ในสมัยก่อนสถาปนิกชาวขอมโบราณมีความรอบรู้ทางด้านดาราศาสตร์มาก สามารถวางผังปราสาทให้ตรงตามทิศตะวันออก-ตกได้ จนในวันขึ้น 15 ทำให้เรามองเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงผ่านประตูได้ตรบทุกบานได้

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

          ภายหลังนี้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ เป็นการช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น จึงมีการจัดกิจกรรม "งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง" ชมมหัศจรรย์การขึ้นและตกของพระอาทิตย์และยังมีกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การรำบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาพนมรุ้ง และยังมีจัดสินค้าท้องถิ่นให้ชมและเลือกซื้อกันอีกมากมาย

ภาพจาก https://siamrath.co.th/n/12710

     ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นแหล่งโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทยที่มีนักเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชมกันมากมาย เพราะมีความสวยงามทั้งด้านสถาปัตยกรรม มีการแกะสลักที่มีความงดงาม ลวดลายปราณีตอ่อนช้อย เล่าขานถึงเรื่องราวของคนในสมัยก่อนได้อย่างน่าหลงไหล หากเพื่อนๆคนไหนมีโอกาสอยากให้ลองได้ไปเห็นของจริงว่าจะสวยงามขนาดไหน สำหรับบล็อคในวันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ในบล็อคหน้าจะพาเที่ยวที่ไหนอย่าลืมติดตามกันด้วยนะค้าา ^__^



-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-_-




อ้างอิง
     กระทรวงวัฒนธรรม. (2558). อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์. ค้นเมื่อ 22 กันยายน 2561, จาก https://www.m-culture.go.th/young/ewt_news.php?nid=467&filename=index
     ไปด้วยกัน.คอม (2561). เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม. ค้นเมื่อ 22 กันยายน 2561, จาก https://www.paiduaykan.com/province/Northeast/buriram/phanomrung.html
     sanook.com. (2561). ชวนเที่ยงมหัศจรรย์ปราสาทพนมรุ้ง ชมดวงอาทิตย์ลอด 15ช่องประตู.ค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561,จาก https://www.sanook.com/travel/1394897/
     Loychun. (2561). อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง. ค้นเมื่อ 23 กันยายน 2561, จาก https://th.m.wikipedia.org/wiki/อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง



วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

Hello PhuKon





     สวัสดีเพื่อนๆทุกคนค่ะ กลับมาเจอกันอีกรอบในการเขียนบล็อคที่ 2 ของเรานะคะ  ในบล็อคที่แล้วเราพาเพื่อนๆไปท่องเที่ยวที่ปราสาทบันทายศรี ประเทศกัมพูชา เป็นโบราณสถานที่สำคัญและสวยงามแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา  และในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวที่ 'วัดป่าภูก้อน' ซึ่งอยู่ในประเทศไทยของเราเองค่ะ จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ ^__^


   

   'วัดป่าภูก้อน' หรือถูกขนานนามว่า 'พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน' ตั้งอยู่ที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ตามแนวรอยต่อของจังหวัดอุดรธานี เลย และหนองคาย มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 3,000 ไร่ โดยจุดประสงค์หลักที่สร้างวัดคือต้องการปลูกป่าทดแทนเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมกว่า 750 ไร่ ตามดำริชอบของพุทธบริษัทสี่ วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2530  โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย  ศาสนสถานแห่งนี้มีศาลาอุโบสถ 1 หลัง 2 ชั้น มีกุฏิพระ 45 หลัง เรือนครัว 1 หลัง เรือนพักฆราวาส 6 หลัง และยังมีห้องน้ำอีกจำนวนมาก 




     วัดป่าภูก้อนแห่งนี้มีความสง่างามและมีความสงบเป็นที่สุด ซึ่งเหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนารักษากายวาจาและจิตใจ อีกทั้งยังมีความสวยงามทั้งภายนอกที่ดูกว้างขวางและยังอยู่บนที่สูงทำให้มีอากาศที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่ว่าจะฤดูร้อนหรือฤดูหนาวก็ยังมีอากาศที่ดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพระวิหารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์  หรือจะเป็นความสวยงามที่อยู่ภายใน มีสถาปัตยกรรมที่น่าหลงไหล เช่น องค์พระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินอ่อน หรือการเล่าพุทธประวัติภายในวิหาร เป็นต้น

     จุดเด่นของวัดป่าภูก้อนแห่งนี้อยู่ที่ 'พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี' ปางปรินิพพาน ที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวซึ่งมีความทนทานที่สุด มีความยาวทั้งหมด 20 เมตร เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พระพุทธไสยาสน์นี้จุงเป็นสัญลักษณ์แทนรัชกาลที่ 9  อีกทั้งยังถูกสร้างขึ้นมาด้วยจิตศรัทธาของญาติโยมทั้งหลายด้วย


พาไปชมวัดป่าภูก้อน วัดป่าแห่งการวิปัสสนา


     'วัด' เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ส่วนมากถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุข มนุษย์ก็เลือกที่จะเข้าวัด  เข้าไปสงบจิตสงบใจ หรือเข้าไปเพื่อสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตนเองและคนรอบข้าง  วัดป่าภูก้อน เป็นอีกสถานที่หนึ่งเมื่อใครได้เข้าไปแล้วจะรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และที่สำคัญยังรู้สึกสงบทั้งกาย วาจา และใจอีกด้วย  
หากเพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์การเที่ยวชมสถานที่สวยๆสามารถนำมาแชร์กันได้ และสามารถติชมการเขียนบล็อคนี้ได้นะคะ ;)  บล็อคต่อไปจะพาเพื่อนๆไปท่องเที่ยวที่ไหนอย่าลืมติดตามกันนะคะ



อ้างอิง

   วัดป่าภูก้อน. (2552). ประวัติวัดป่าภูก้อน. ค้นเมื่อ 9 กันยายน 2561, จาก https://www.watpaphukon.org/history/   
   ไทยรัฐ. (2561). ปาฏิหาริย์...พุทธไสยาสน์ฯ อิทธิฤทธิ์สำแดง...ข้ามทวีป. ค้นเมื่อ 9 กันยายน 2561, จาก https://www.thairath.co.th/content/410045
   กะปุก. (2561). วัดป่าภูก้อน อุดรธานี วัดป่าแห่งการวิปัสสนา. ค้นเมื่อ 9 กันยายน 2561, จาก https://travel.kapook.com/view123291.html